เรื่องหมูแพงกับกำแพงราคาที่ปวดใจ
เรื่องโดย
สุวรรณา สายรวมญาติ
ภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ปัญหาหมูราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจนเรียกว่าแพงเมื่อเทียบกับกระเป๋าสตางค์ของผู้บริโภค จนกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ต้องกำหนดราคาหมูชีวิตหน้าฟาร์มไม่เกิน 80 บาท/กก. ราคาขายส่งเนื้อแดงห้างค้าปลีก 128 บาท/กก. และราคาขายปลีกเนื้อแดงไม่เกิน 160 บาท/กก. ราคานี้เท่ากับราคาเพดานช่วงเดือนสิงหาคมปี 2563 แต่ต้นทุนตอนนี้ไม่เท่าเดิม
สำหรับนักเศรษฐศาสตร์คงต้องบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการแทรกแซงใด ๆ ที่เป็นการบิดเบือนราคาตลาดเพราะก่อให้เกิดผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ อาจจะดูเหมือนคนเลือดเย็นที่จะบอกว่าภาครัฐควรปล่อยให้ มือที่มองไม่เห็น (Invisible hand) หรือ กลไกตลาดทำงานอย่างเสรี แม้ดูเหมือนจะไม่ได้ทำอะไร แต่การไม่ทำอะไรนี่แหละดีแล้ว ปล่อยให้กลไกลตลาดของหมูปรับตัวไปตามธรรมชาติระหว่างปริมาณความต้องการ อาจต้องใช้เวลาสักนิด แต่จะไม่มีใครต้องมารับผลของการควบคุมราคาหน้าฟาร์มไว้ที่ 80 บาท
สาเหตุหลักของการกำหนดราคาเพดานคือ เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคในยุคโควิด กรมการค้าภายในจึงขอความร่วมมือสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติควบคุมราคาไว้ไม่ให้เกินนี้ ทั้งนี้ ข้อมูลต้นทุนการผลิตจากคณะอนุกรรมการต้นทุนการผลิตสุกร ซึ่งเป็นคณะกรรมการชุดเล็กของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ (Pig Board) พบว่า ต้นทุนการผลิตสุกรขุนไตรมาสที่ 1/2564 ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 77.49 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 4/2563 ที่ 75.16 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งถ้าราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์โดยเฉพาะกากถั่วเหลืองยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากมีภาวะภัยแล้งในช่วงเดือนมีนาคม-เดือนเมษายน ต้นทุนการผลิตสุกรขุนอาจขยับเพิ่มเป็น 78 – 80 บาท/กก.
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังมีต้นทุนป้องกันโรค PRRS และโรคอหิวาต์แอฟริกา (ASF) ที่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 300 บาท/ตัว ทั้ง 2 โรคน่ากลัวพอกันเพราะจะทำให้หมูเสียหายหรือตายจำนวนมากหากป้องกันไม่ดี PRRS มีอยู่เดิม และ ASF ก็จ้องจู่โจม แถมปัจจุบันยังไม่สามารถผลิตวัคซีนป้องกันโรคนี้ได้ แถมผลการทดลองใช้วัคซีน ASF ในประเทศจีนก็ไม่เป็นดังหวัง โรคนี้ยังคงเป็นหอกทิ่มแทงอุตสาหกรรมหมูเอเชียต่อไป
ต่างจากวัคซีนโควิดที่เป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ตอนนี้ว่าจะใช้ของใคร ทำไมไม่ใช่เจ้านั้นเจ้านี้ วัคซีนโควิดมีแล้ว อยู่ที่ว่าจะฉีดได้เมื่อไร จะฉีดของใคร แต่ของวัคซีน AFS หมูมันยังไม่มี !!!
เมื่อยังไม่มีก็ต้องป้องกัน และค่าป้องกันตามระบบป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม GFM) รวมถึงการจัดการน้ำเสียก่อนปล่อยออกนอกฟาร์มไม่ถูก ทุกอย่างคือต้นทุนที่ผู้ประกอบการฟาร์มหมูต้องแบกรับ ทางภาครัฐก็ตรวจและปรับอย่างเดียว ไม่มีมาตรการช่วยเหลือหรืออุดหนุนใด ๆ ดังเช่นประเทศอื่น
หากไปย้อนดูราคาขายหมูหน้าฟาร์มตามประกาศสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ราคาหน้าฟาร์มอยู่ในช่วง 68-80 บาท ขึ้นอยู่กับพื้นที่ (ตารางที่ 1) จะเห็นว่า ราคาในภาคตะวันตกและภาคใต้จะถูกสุด เนื่องจากปริมาณหมูที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการในพื้นที่ ขณะที่ภาคเหนือมีราคาแพงสุด เนื่องจากปริมาณหมูที่ผลิตได้น้อยกว่าความต้องการ และราคาขายที่แนะนำจากสมาคมจะอั้นไว้ที่ 80 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ขอความร่วมมือ แต่การซื้อขายจริงในพื้นที่บางจุดโดยเฉพาะภาคเหนือทะลุเพดานไปเรียบร้อย เพราะหมูเสียหายจากโรคไปพอสมควร ยังไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้พอกับความต้องการได้ นี่คือตัวอย่างของการทำงานตามกลไกตลาดอย่างเสรี
ตารางที่ 1 ราคาหมูขุนมีชีวิตหน้าฟาร์มช่วงเดือนธันวาคม 2563 – เดือนมกราคม 2564
เดือนธันวาคม 2563 |
เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2564 | ||||
วันพระที่ 8 | วันพระที่ 14 | วันพระที่ 22 |
วันพระที่ 29 |
||
ภาคตะวันตก |
68 |
68 | 74 | 78 |
80 |
ภาคตะวันออก |
74 |
74 | 76 | 78 |
80 |
ภาคอีสาน |
74 |
74 | 77 | 80 |
80 |
ภาคเหนือ |
80 |
80 | 80 | 80 |
80 |
ภาคใต้ |
68 |
68 | 72 | 76 |
80 |
ที่มา: สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ (2564)
หากใช้ราคาต้นทุนเฉลี่ยที่ 75 บาท (ต้นทุนเดือนธันวาคม) มาเปรียบเทียบกับราคาเพดาน 80 บาท จะมีส่วนต่าง 5 บาท ถ้าขายหมูขุนน้ำหนัก 100 กก. จะได้กำไร 500 บาท/ตัว ดูเหมือนเยอะ แต่ใช้เวลาขุนเฉลี่ย 4 – 5 เดือนกว่าจะขายได้ ทำให้ผลตอบแทนที่ได้เฉลี่ย 100-125 บาท/เดือน/ตัว ถ้าขุนออกได้เดือนละ 100 ตัว ๆ ละ 100 กก. ก็จะได้กำไรคร่าว ๆ 500*100 = 50,000 บาท/เดือน แต่ตอนนี้ต้นทุนประมาณ 78 บาท เท่ากับว่าส่วนต่างเท่ากับ 2 บาท ก็จะได้กำไรประมาณ 200*100 = 20,000 บาท/เดือน คำถามคือ แล้วจะมีกี่ฟาร์มที่มีกำลังขุนออกจำหน่ายได้เดือนละ 100 ตัว? เพราะกำลังการขุนขนาดนี้ต้องมีหมูขุนจำนวน 400 ตัวหมุนเวียน ไม่ใช่ฟาร์มรายเล็กแน่นอน
ถึงเวลาแล้วที่ต้องภาครัฐต้องทบทวนราคาเพดานสุกรขุนมีชีวิตหน้าฟาร์มให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ก็ควรปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาด
ทำไมควรปล่อยให้หมูเป็นไปตามกลไก?
หากย้อนกลับไปช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จะพบว่า ทุกครั้งที่ผู้ประกอบการหมูประสบภาวะขาดทุนสาเหตุหลักมาจากราคาขายหน้าฟาร์มต่ำกว่าต้นทุนเนื่องจากปริมาณหมูล้นตลาด เช่น ปี พ.ศ. 2543-2546 2550 2555 และ 2560-2561 (ภาพที่ 1) ใครสายป่านไม่ยาวพอ บริหารจัดการไม่ดีก็ต้องเลิกกิจการ คงเหลือแต่มืออาชีพมาจนถึงวันนี้ และเมื่อผู้อ่อนแอแพ้พ่าย ปริมาณหมูที่ล้นตลาดจะค่อยๆ ปรับตัวลดลง ราคาขายหน้าฟาร์มจะขยับปรับตัวสูงขึ้น เป็นวัฏจักรเช่นนี้เสมอมา และนี่คือตัวอย่างของการปล่อยให้กลไกตลาดทำงาน โดยที่รัฐต้องไม่ใช้งบประมาณใด ๆ ในการช่วยเหลือเยียวยาอย่างจริงจังดังเช่นสินค้าเกษตรชนิดอื่น ๆ
โดยในปี 2564 นี้ จากข้อมูลการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ ปริมาณหมูขุนตอนนี้น่าจะมีประมาณ 22.5 ล้านตัว ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาที่เพิ่มขึ้น ผ่านช่วงหน้าร้อนนี้ไปราคาน่าจะปรับตัวลดลง
ภาพที่ 1 ราคาหมูขุนมีชีวิตหน้าฟาร์ม ปี 2543 – มกราคม 2564
ที่มา: สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ (2563) และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ (2564)
การกำหนดราคาเพดาน 80 บาท คือ น้ำใจที่ช่วยบรรเทาความเดือนร้อนของผู้บริโภค แต่ราคานี้คือ “กำแพง” ที่กำลังกดทับและทำลายชาวหมูรายย่อยเกือบ 2 แสนรายให้ออกจากอุตสาหกรรมนี้ในอนาคตทางอ้อม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรทบทวนราคาเพดานให้สอดคล้องกับต้นทุนอย่างรอบด้านตามสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น หรือไม่ก็ควรปล่อยให้กลไกตลาดทำงาน แม้ไม่ทันใจ แต่จะเกิดผลกระทบเชิงลบน้อยที่สุดต่อทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะงบประมาณรัฐที่ต้องใช้ในการแทรกแซง
แล้วผู้บริโภคควรทำอย่างไร?
ผู้บริโภคสามารถลดปริมาณการซื้อเนื้อหมูแล้วเปลี่ยนเป็นไก่ ปลา กุ้ง ซึ่งราคาตอนนี้ก็ลดลงกว่าแต่ก่อนมากจากผลของโควิด-19 เมื่อความต้องซื้อน้อยลง ราคาก็จะปรับตัวลงมาเองโดยธรรมชาติ
โปรดรอสักนิด ปล่อยให้กลไกตลาดทำงาน อาจจะดูเหมือนเลือดเย็น ไม่สนใจความเดือดร้อนของผู้บริโภค แต่ได้โปรดมองอีกด้านตามความเป็นจริงว่ามีต้นทุนต้องจ่าย
ข้อมูลอ้างอิง
- สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ. 256 ข้อมูลราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม. ออนไลน์: https://www.swinethailand.com/16866405/ราคาสุกรขุน-ปี-2561-2564
- สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์. 2564. ประชากรสัตว์ ความต้องการใช้อาหารสัตว์ ปี 2564. ออนไลน์: http://www.thaifeedmill.com/Portals/0/2016/สรุปประมาณการประชากรสัตว์%20คาดคะเน%20ปี64%20(ไทย).pdf
- https://pasusart.com/ชาวหมูโอด-ราคาวัตถุดิบ/
- Photo by Kenneth Schipper Vera on Unsplash