เรื่องหมู ๆ สะเทือนถึงก๊วนแบด
โดย ผศ.ดร.สุวรรณา สายรวมญาติ
ความนิยมของการเล่นแบดมินตันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ขณะเดียวกันต้นทุนการเล่นแบดมินตันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเฉพาะต้นทุนลูกแบดมินตันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสองเท่าจากปีก่อน อันเนื่องจากโครงสร้างอุตสาหกรรมการผลิตปศุสัตว์ของจีนปรับเปลี่ยนหลังการระบาดของโรคแอฟริกันอหิวาต์ (ASF) ในสุกรเมื่อปี 2561
ผลการระบาดของโรค ASF ทำให้ราคาเนื้อหมูในประเทศจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก รัฐบาลจีนจึงได้ออกมาตรการเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต พร้อมทั้งปรับโครงสร้างการผลิตสุกรใหม่ให้มีมาตรฐาน บวกกับมาตรการนำเข้าเนื้อสุกรเพื่อควบคุมราคาเนื้อหมูไม่ให้แพงจนเกินไป ราคาเนื้อสุกรปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องหลังกำลังการผลิตหมูของจีนกลับมา ทำให้ผู้บริโภคชาวจีนหันกลับมาบริโภคเนื้อหมูมากขึ้น และการเพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้อุปทานเป็ดและห่านลดลง
The China Animal Agriculture Association รายงานว่า ในปี 2567 จีนสามารถผลิตเป็ด 4.22 พันล้านตัวและผลิตห่าน 569 ล้านตัว ซึ่งลดลงร้อยละ 10 จากจุดสูงสุดในปี 2562 อันเป็นปีที่การผลิตเนื้อหมูฟื้นตัวขึ้นหลังจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรที่เริ่มขึ้นในปี 2561 ส่วนหนึ่งของการฟื้นตัวการผลิตเนื้อหมูเกิดจากผู้ผลิตปศุสัตว์เป็ด-ห่านบางส่วน หันไปทำฟาร์มหมูเพื่อป้อนเนื้อหมูเข้าสู่ตลาดตอบสนองอุปสงค์เนื้อหมูที่เพิ่มขึ้น [1,3]
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อุปทานเป็ด-ห่านลดลง ส่งผลให้ราคาเป็ดและห่านปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เกษตรกรจึงให้ความสำคัญกับเนื้อสัตว์มากกว่าการผลิตขนที่มีคุณภาพ ทำให้ผลพลอยได้อย่างขนเป็ดและขนห่าน อันเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตลูกแบดคุณภาพก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาขายส่งขนเพิ่มขึ้นจากประมาณ 200 หยวน/ 500 กรัม ในปี 2566 เป็น 300 หยวน/ 500 กรัม ในปี 2567
โดยอัตราส่วนการใช้ขนเป็ด/ขนห่านที่มีคุณภาพดีมาก ถึง 16 เส้น เพื่อให้ได้ลูกแบดคุณภาพ 1 ลูก ซึ่งเป็ด/ห่านหนึ่งตัวจะให้ขนที่มีคุณภาพดีมากประมาณ 5 เส้น หรือกล่าวได้ว่า ต้องใช้เป็ดถึง 2-3 ตัวเพื่อผลิตลูกแบดดีดี 1 ลูก ซึ่งมักมาจากเป็ด/ห่านที่เลี้ยงโดยใช้วิธีการเลี้ยงแบบดั้งเดิม [1]
นอกจากนี้ อุปทานลูกแบดจากจีนอยู่ในมือ “สามแบรนด์ใหญ่” (Yonex/Li-Ning/Victor) ที่ครองกำลังการผลิตของโรงงาน ทำให้ผู้ผลิตขนาดเล็กประสบปัญหาในการหาสายสังเคราะห์ เมื่อต้นทุนการผลิตสูง ผู้จัดจำหน่าย ในแต่ละระดับก็ปรับราคาขึ้นเช่นกัน [2] สำหรับ RSL อีกหนึ่งแบรนด์ใหญ่ ได้ขึ้นราคาหลายครั้งในปีนี้ หลังจากขึ้นราคาเมื่อต้นปี 2568 ก็ได้ขึ้นราคาอีกครั้งในเดือนมีนาคม โดยร้านทางการของ RSL บน Tmall ลูกขนไก่เบอร์ 7 จำนวน หนึ่งหลอดราคา 145 หยวน ขณะที่ปี 2566 ราคาเพียง 74 หยวน [3]
อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาลูกแบดเพิ่มคือ ความนิยมของการเล่นแบดมินตันของชาวจีนที่มากถึง 250 ล้านคน (ข้อมูลปี 2566) ซึ่งมีการเติบโตเพิ่มขึ้นหลังจากการระบาดของ Covid-19 เห็นได้จาก ยอดขายประจำปีของบริษัท Wang ตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ให้กับแบรนด์ใหญ่ๆ มากมาย รวมถึง Yonex พุ่งจาก 500 ล้านหยวนก่อนเกิดโรคระบาดมาเป็นเกือบ 800 ล้านหยวนในปัจจุบัน โดยผลิตภัณฑ์แบดมินตันเป็นผู้นำการขยายตัวเหนืออุปกรณ์เทนนิสและบาสเก็ตบอล [3] ส่งผลให้ราคาลูกแบดในจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สัดส่วนผู้ผลิตลูกแบดในจีนต้องเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายลูกแบดในประเทศ แล้วลดการส่งออก
ผลกระทบครั้งนี้ทำให้ผู้ผลิตลูกแบดหลายรายได้เปิดตัวลูกขนไก่สังเคราะห์ และอาจเป็นไปได้ว่า BWF และผู้ผลิตเหล่านี้อาจผลักดันให้ใช้ลูกขนไก่สังเคราะห์ในการแข่งขันก็เป็นได้
ราคาลูกแบดแพงในวันนี้สาเหตุจากโรคระบาดทั้งในคนและสัตว์ เกี่ยวเนื่องกันจนแยกไม่ออก สะท้อนถึงโซ่อุปทานโลกที่เชื่อมโยงกันระหว่างอุตสาหกรรม เรื่องหมู ๆ จึงสะเทือนถึงก๊วนแบดได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เชื่อได้คือ ราคาหมูขึ้นลงไปตามอุปสงค์อุปทาน แต่ราคาลูกแบดนี่สิ ขึ้นแล้วไม่น่าลง หลังจากนี้ก๊วนแบดคงตีให้คุ้มหน่อยก่อนทิ้งแน่ ๆ
#EatEcon
Photo by Saif71.com on Unsplash
ที่มา
